ชุดที่ 4: ข้อ 21 - 25
โจทย์: กำหนดให้ \(f(x) = x^3 + 2x + 3\) และ \(g(x) = f^{-1}(x)\). ค่าของ \(g'(6)\) เท่ากับข้อใดต่อไปนี้
คำตอบ: 2. \( \frac{1}{5} \)
ใช้สูตรอนุพันธ์ของฟังก์ชันผกผัน \( (f^{-1})'(y_0) = \frac{1}{f'(x_0)} \) โดยที่ \( y_0 = f(x_0) \). หา \(x_0\) ที่ทำให้ \(f(x_0)=6\) ก่อน แล้วจึงหา \(f'(x_0)\).
1. หา \(x_0\) ที่คู่กับ \(y_0=6\): เราต้องการหา x ที่ทำให้ \( f(x) = 6 \).
\( x^3 + 2x + 3 = 6 \)
\( x^3 + 2x - 3 = 0 \)
โดยการลองแทนค่าจำนวนเต็มง่ายๆ จะพบว่า \(x=1\) ทำให้สมการเป็นจริง: \( (1)^3 + 2(1) - 3 = 1+2-3 = 0 \). ดังนั้น \( x_0 = 1 \).
2. หาอนุพันธ์ของ f(x):
\( f'(x) = 3x^2 + 2 \)
3. หาค่า \(f'(x_0)\):
\( f'(1) = 3(1)^2 + 2 = 5 \)
4. ใช้สูตรอนุพันธ์ของฟังก์ชันผกผัน:
\( g'(6) = (f^{-1})'(6) = \frac{1}{f'(1)} = \frac{1}{5} \)
โจทย์: กำหนดให้ \(y=f(x)\) เป็นพาราโบลามีจุดยอดที่ (0,0) และ \(y=g(x)\) เป็นพาราโบลามีจุดยอดที่ (1,4) ดังรูป. พื้นที่ของบริเวณที่แรเงามีค่าเท่ากับข้อใด
คำตอบ: 2. \( \frac{4}{3} \) ตารางหน่วย
หาสมการพาราโบลาก่อน. \(f(x)=ax^2\), \(g(x)=k(x-1)^2+4\). ใช้จุดตัดกันที่เห็นในกราฟ (เช่น (0,0) และ (1,4)) เพื่อหาค่า a และ k. จากนั้นอินทิเกรต (กราฟบน - กราฟล่าง) จากจุดตัดซ้ายไปจุดตัดขวา.
1. หาสมการ g(x): มีจุดยอดที่ (1,4) และผ่านจุด (0,0).
\( g(x) = k(x-1)^2+4 \)
แทน (0,0): \( 0 = k(0-1)^2+4 \implies 0 = k+4 \implies k=-4 \).
ดังนั้น \( g(x) = -4(x-1)^2+4 = -4x^2+8x \).
2. หาสมการ f(x): มีจุดยอดที่ (0,0) และจากรูปจะเห็นว่าผ่านจุดยอดของ g(x) คือ (1,4).
\( f(x) = ax^2 \)
แทน (1,4): \( 4 = a(1)^2 \implies a=4 \).
ดังนั้น \( f(x) = 4x^2 \).
3. หาพื้นที่: อินทิเกรตจาก x=0 ถึง x=1 ของ (กราฟบน - กราฟล่าง).
\( \text{พื้นที่} = \int_0^1 (g(x) - f(x)) dx = \int_0^1 ((-4x^2+8x) - (4x^2)) dx \)
\( = \int_0^1 (-8x^2+8x) dx \)
\( = [-\frac{8x^3}{3} + 4x^2]_0^1 \)
\( = (-\frac{8}{3} + 4) - (0) = \frac{-8+12}{3} = \frac{4}{3} \)
โจทย์: กล่องใบหนึ่งมีสลาก 9 ใบ ซึ่งเขียนหมายเลข 1,2,3,...,9 ถ้าสุ่มหยิบสลาก 3 ใบพร้อมกัน ความน่าจะเป็นที่ผลคูณของหมายเลขทั้ง 3 เป็นจำนวนคู่ เท่ากับข้อใด
คำตอบ: 1. \( \frac{37}{42} \)
คิดแบบตรงข้าม (Complement) จะง่ายกว่า. "ผลคูณเป็นคู่" ตรงข้ามกับ "ผลคูณเป็นคี่". ผลคูณจะเป็นคี่ได้กรณีเดียวคือต้องหยิบได้ "เลขคี่ทั้ง 3 ใบ". หาความน่าจะเป็นของเหตุการณ์นี้แล้วลบออกจาก 1.
1. หาวิธีทั้งหมด (Sample Space): เลือก 3 ใบจาก 9 ใบ.
\( n(S) = \binom{9}{3} = \frac{9 \times 8 \times 7}{3 \times 2 \times 1} = 84 \) วิธี.
2. หาเหตุการณ์ตรงข้าม (E'): ผลคูณเป็นเลขคี่.
เกิดขึ้นเมื่อหยิบได้เลขคี่ทั้ง 3 ใบ. ใน 1-9 มีเลขคี่ 5 ตัว (1,3,5,7,9) และเลขคู่ 4 ตัว (2,4,6,8).
\( n(E') = \text{เลือกคี่ 3 ตัวจาก 5 ตัว} = \binom{5}{3} = \frac{5 \times 4 \times 3}{3 \times 2 \times 1} = 10 \) วิธี.
3. หาความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ตรงข้าม:
\( P(E') = \frac{n(E')}{n(S)} = \frac{10}{84} \)
4. หาความน่าจะเป็นของเหตุการณ์ที่สนใจ (E):
\( P(E) = 1 - P(E') = 1 - \frac{10}{84} = \frac{84-10}{84} = \frac{74}{84} = \frac{37}{42} \)
โจทย์: น้ำหนักของเด็กมีการแจกแจงปกติ ถ้าเด็กที่น้ำหนักน้อยกว่า 30 กก. มี 15.87% และเด็กที่น้ำหนักมากกว่า 41 กก. มี 11.51% แล้วค่าเฉลี่ยเลขคณิตของน้ำหนักคือข้อใด
คำตอบ: 3. 35 กิโลกรัม
แปลงเปอร์เซ็นต์เป็นพื้นที่ใต้โค้ง (อย่าลืมลบออกจาก 0.5) เพื่อหาค่า z จากตาราง. จะได้ 2 สมการจากสูตร \(z = (x-\mu)/\sigma\). แก้ระบบสมการ 2 ตัวแปรเพื่อหา \(\mu\).
1. พิจารณาข้อมูลแรก (x=30): น้อยกว่า 30 กก. มี 15.87% (0.1587). พื้นที่นี้อยู่ทางซ้ายสุดของโค้ง. พื้นที่จากแกนกลาง (ค่าเฉลี่ย) ไปยังค่า z คือ \( 0.5 - 0.1587 = 0.3413 \). จากตาราง พื้นที่ 0.3413 ตรงกับค่า \(z=1\). เนื่องจากค่านี้น้อยกว่าค่าเฉลี่ย ดังนั้น \(z_1 = -1\).
2. พิจารณาข้อมูลที่สอง (x=41): มากกว่า 41 กก. มี 11.51% (0.1151). พื้นที่นี้อยู่ทางขวาสุดของโค้ง. พื้นที่จากแกนกลางไปยังค่า z คือ \( 0.5 - 0.1151 = 0.3849 \). จากตาราง พื้นที่ 0.3849 ตรงกับค่า \(z=1.2\). ดังนั้น \(z_2 = 1.2\).
3. สร้างระบบสมการจากสูตร \( z = \frac{x-\mu}{\sigma} \):
(1) \( -1 = \frac{30-\mu}{\sigma} \implies -\sigma = 30 - \mu \)
(2) \( 1.2 = \frac{41-\mu}{\sigma} \implies 1.2\sigma = 41 - \mu \)
4. แก้ระบบสมการ: นำสมการ (2) - (1):
\( 1.2\sigma - (-\sigma) = (41-\mu) - (30-\mu) \)
\( 2.2\sigma = 11 \implies \sigma = \frac{11}{2.2} = 5 \)
5. หาค่าเฉลี่ย \(\mu\): แทน \(\sigma=5\) ในสมการ (1):
\( -5 = 30 - \mu \implies \mu = 30+5 = 35 \)
โจทย์: ให้ข้อมูลชุดหนึ่งมี a, m, \(\bar{x}\) เป็นฐานนิยม, มัธยฐาน, และค่าเฉลี่ยเลขคณิต. พิจารณาข้อความต่อไปนี้...
คำตอบ: 3. 3 ข้อ (ก, ข, ค)
พิจารณาคุณสมบัติของค่ากลางแต่ละตัว. ฐานนิยมคือค่าที่ซ้ำมากสุด, มัธยฐานคือค่าตรงกลาง, ค่าเฉลี่ยคือจุดสมดุล. การเพิ่มข้อมูลที่มีค่าเท่ากับค่ากลางเดิมเข้าไป จะไม่ทำให้ค่ากลางนั้นเปลี่ยนไป. ส่วนพิสัยจะเปลี่ยนก็ต่อเมื่อค่าที่เพิ่มเข้ามาอยู่นอกช่วง [Min, Max] เดิม.
ก. ถ้าเพิ่มข้อมูล a: การเพิ่มข้อมูลที่มีค่าเท่ากับฐานนิยมเดิมเข้าไป จะยิ่งทำให้ค่านั้นซ้ำบ่อยขึ้นไปอีก ฐานนิยมจึงยังคงเป็นค่าเดิม. (ถูก)
ข. ถ้าเพิ่มข้อมูล m: การเพิ่มข้อมูลที่มีค่าเท่ากับมัธยฐานเดิมเข้าไป จะทำให้ค่าที่อยู่ตรงกลางยังคงเป็นมัธยฐานเดิม. (ถูก)
ค. ถ้าเพิ่มข้อมูล \(\bar{x}\): การเพิ่มข้อมูลที่มีค่าเท่ากับค่าเฉลี่ยเดิมเข้าไป เปรียบเสมือนการเพิ่มข้อมูลที่จุดสมดุลของข้อมูลเดิม ทำให้จุดสมดุลใหม่ (ค่าเฉลี่ยใหม่) ยังคงอยู่ที่เดิม. (ถูก)
ง. ถ้าเพิ่มข้อมูล a, m, \(\bar{x}\): พิสัยคือ (ค่าสูงสุด - ค่าต่ำสุด). เราไม่สามารถสรุปได้ว่าพิสัยจะเท่าเดิม เพราะค่า a, m, หรือ \(\bar{x}\) อาจมีค่ามากกว่าค่าสูงสุดเดิม หรือน้อยกว่าค่าต่ำสุดเดิมก็ได้. เช่น ถ้าข้อมูลคือ {1, 1, 100} พิสัยคือ 99. ฐานนิยม a=1. ถ้าเพิ่ม a=1 เข้าไป พิสัยไม่เปลี่ยน. แต่ถ้าข้อมูลคือ {1, 100, 100} พิสัยคือ 99. ฐานนิยม a=100. ถ้าเพิ่ม m=100 เข้าไป พิสัยก็ไม่เปลี่ยน. แต่ถ้าข้อมูลคือ {1, 2, 100} และ \(\bar{x} \approx 34.3\) การเพิ่ม 34.3 ไม่เปลี่ยนพิสัย. แต่ถ้าข้อมูลเป็น {1, 99, 100} และฐานนิยม a=1 ถ้าเราเพิ่ม a=1 เข้าไป พิสัยไม่เปลี่ยน. แต่ถ้าข้อมูลเป็น {1, 1, 100} และค่าเฉลี่ย \(\bar{x} \approx 34\) แต่ถ้าเกิดมีฐานนิยมอีกตัวเป็น 101 ล่ะ? ดังนั้นข้อนี้จึงไม่จำเป็นต้องเป็นจริง. (ผิด)
สรุป: มีข้อความที่ถูกต้อง 3 ข้อ คือ ก, ข, และ ค.